การร้อยไหมคืออะไร มีประโยชน์อย่างไร
การร้อยไหมเป็นวิธียกกระชับผิวที่ใช้ได้ทั้งกับผิวหน้าและผิวกาย เพียงแต่นิยมใช้กับผิวหน้ามากกว่า ช่วยแก้ปัญหาผิวหนังบนใบหน้าหย่อนคล้อย ริ้วรอยเหี่ยวย่นบริเวณแก้ม ร่องจมูก ขากรรไกร หน้าผาก โดยใช้ไหมละลายจำนวนหลายเส้นร้อยเข้าไปในใต้ผิวหนัง การทำเช่นนี้ส่งผลให้เกิดการอักเสบของเนื้อเยื่อใต้ผิวและมีการสร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่บริเวณรอบเส้นไหม ทำให้ผิวหน้าถูกดึงรั้งจนเต่งตึง ทั้งยังช่วยให้เลือดไหลเวียนมาเลี้ยงผิวหนังบริเวณดังกล่าวมากขึ้น
ไหมที่ใช้ในกระบวนการนี้มีให้เลือกหลายชนิด แต่ที่นิยมใช้กันมากที่สุดคือไหมละลาย PDO ทำจากโพลีไดออกซาโนน (Polydioxanone) ซึ่งใช้ในการเย็บแผลผ่าตัดเส้นเลือดหัวใจ มักไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้และได้รับการรับรองความปลอดภัยจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และไม่ต้องเป็นกังวลว่าเส้นไหมเหล่านี้จะติดอยู่ใต้ผิวหนัง เพราะไหมจะค่อย ๆ สลายตัวไปเองภายใน 8-12 เดือน ส่วนไหมเงี่ยงต่างๆ จะมีความหนามากกว่า การยกกระชับได้มากกว่าจะอยู่ใต้ผิวหนัง และจะค่อย ๆ สลายตัวไปเองภายใน 24-36 เดือน แล้วแต่ชนิดของไหม
การร้อยไหมเหมาะกับใครบ้าง
การยกกระชับผิวหน้าด้วยวิธีนี้เหมาะกับผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 30-60 ปีขึ้นไป โดยเนื้อเยื่อต้องไม่ยุบตัวหรือผิวหนังต้องไม่หย่อนคล้อยมากเกินไป เพราะหากผิวหนังหย่อนมากเนื่องจากอายุหรือมีน้ำหนักตัวมาก อาจต้องใช้วิธีนี้ร่วมกับวิธีอื่น ๆ จึงจะเห็นผลลัพธ์ชัดเจน
นอกจากนี้ การร้อยไหมอาจให้ผลดียิ่งขึ้นหากใช้วิธียกกระชับอื่น ๆ ร่วมด้วยในภายหลัง โดยเฉพาะวิธีที่ไม่ใช้การศัลยกรรมซึ่งจะให้ผลดีมากกว่า หรืออาจใช้กับผู้ที่เพิ่งเข้ารับการผ่าตัดยกหน้าไปแต่ยังไม่พร้อมสำหรับการผ่าตัดครั้งต่อไป ในกรณีนี้อาจเลือกการร้อยไหมแทนได้เช่นกัน
ไหมที่นำมาใช้มีให้เลือกหลากหลายประเภทขึ้นอยู่กับลักษณะผิวก่อนทำ และทุกประเภทสามารถใช้ร่วมกับการยกกระชับหน้าด้วยวิธีอื่น ๆ เพื่อผลลัพธ์ที่ดีขึ้น เช่น การใช้ไหมที่มีเงี่ยงร่วมกับการทำฟิลเลอร์หรือฉีดไขมันที่หน้า การร้อยไหมร่วมกับวิธีลดรอยเหี่ยวย่นที่ใช้คลื่นความถี่วิทยุหรือเข็มขนาดเล็ก เหล่านี้อาจช่วยให้ผิวหนังกระชับตัวมากกว่าการร้อยไหมเพียงอย่างเดียว
ก่อนเข้ารับการร้อยไหม
การร้อยไหมเป็นเทคนิคการยกกระชับหน้าที่ต้องทำโดยผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น ผู้ที่ต้องการใช้วิธีนี้ควรศึกษาข้อมูลสถานให้บริการที่น่าเชื่อถือและผ่านการรับรองมาตรฐานความปลอดภัย ขั้นตอนแรกคือการพูดคุยปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับราคา ขั้นตอน ผลข้างเคียง ความเสี่ยง และผลลัพธ์ที่คาดหวัง รวมถึงประเมินความเหมาะสมของคนไข้ต่อการร้อยไหม โดยซักถามประวัติสุขภาพและตรวจดูว่ามีโรคหรือ
ภาวะที่ไม่แนะนำให้เข้ารับการร้อยไหม เช่น โรคแพ้ภูมิตัวเอง ไวรัสตับอักเสบ บี ไวรัสตับอักเสบ ซี ติดเชื้อเอชไอวี หญิงตั้งครรภ์หรือกำลังให้นมบุตร กำลังใช้ยาต้านการแข็งตัวของเลือด มีภาวะติดเชื้อ หรือเคยเกิดแผลเป็นคีลอยด์
หากไม่มีภาวะใด ๆ ข้างต้น แพทย์จะสอบถามถึงผลลัพธ์ที่คาดหวังจากการร้อยไหมและแจ้งให้ทราบถึงผลลัพธ์ตามความเป็นจริง ข้อจำกัด ผลข้างเคียง และภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างละเอียด ก่อนจะให้เวลาคนไข้กลับไปตัดสินใจ หากคนไข้ยอมรับข้อจำกัดดังกล่าวได้จึงจะเข้าสู่ขั้นตอนการรักษา
นอกจากนี้ คนไข้จะได้รับการประเมินสภาพผิว เพื่อดูว่าควรใช้ไหมประเภทใดและจำนวนเท่าไรในการทำ รวมถึงประเภทของยาชาเฉพาะที่และปริมาณที่ต้องใช้ และมีการถ่ายภาพก่อนการรักษาเพื่อเปรียบเทียบความเปลี่ยนแปลงหลังเข้ารับการรักษาให้เห็นด้วย
กระบวนการร้อยไหม
หลังจากขั้นตอนทาและฉีดยาชา แพทย์จะสอดเส้นไหมเข้าไปในเนื้อเยื่อใต้ผิวหนังอย่างระมัดระวัง เส้นไหมจำนวนหลายเส้นที่สอดเข้าไปนี้จะนำมาซึ่งกลไกการยกกระชับผิว เนื่องจากก่อให้เกิดการอักเสบและมีการสร้างคอลลาเจนขึ้นมาจับตัวรอบ ๆ เส้นไหม รัดรึงให้ใบหน้าเต่งตึงในที่สุด ซึ่งอาจต้องมีการประเมินระหว่างการทำอีกครั้งว่าควรร้อยไหมกี่จุด
ผลลัพธ์ยกกระชับใบหน้าด้วยการร้อยไหม
การร้อยไหมเป็นเทคนิคการยกกระชับผิวหน้าเพียงชั่วคราว โดยผลลัพธ์จะคงอยู่ประมาณ 1-3 ปี และอาจเริ่มกลับมาหย่อนคล้อยเล็กน้อยหลังจาก 6 เดือนแรก (แล้วแต่ชนิดของไหม) ทำให้อาจต้องเข้ารับการร้อยไหมอีกครั้งเพื่อคงผลลัพธ์ให้ยาวนานยิ่งขึ้น โดยทั่วไปใบหน้าของผู้เข้ารับการร้อยไหมอาจบวมในตอนแรก และกลับมาดูเป็นปกติภายในประมาณ 24-48 ชั่วโมง แต่บางรายอาจปรากฏรอยพับหรือรอยย่นของผิวหนังเป็นเวลาหลายสัปดาห์ได้
วิธีการดูแลตัวเองหลังการร้อยไหม
การดูแลตัวเองในเบื้องต้นหลังจากร้อยไหมยกกระชับเสร็จใหม่ๆ ถือเป็นสิ่งสำคัญมากเพราะหากในช่วงแรกดูแลตัวเองได้ไม่ดี อาจทีผลข้างเคียงที่ตามมา ดังนั้นเรามีเทคนิคการดูแลตัวเองหลังการ ร้อยไหม มาฝากกัน
- ห้ามโดนน้ำบริเวณที่ร้อยไหม หรือบริเวณที่แปะพลาสเตอร์ 24 ชม. หลังทำสามารถแกะพลาสเตอร์ออกได้
- หลังทำควรรีบทานยาฆ่าเชื้อทันทีตามแพทย์สั่ง และทานให้ครบโดส ส่วนยาแก้ปวด ลดบวมให้ทานตามอาการ
- อย่าขยับใบหน้าเยอะ โดยเฉพาะในช่วง 3 วันหลังทำ จะทำให้เส้นไหมและฟิลเลอร์ที่ทำไว้เคลื่อนผิดตำแหน่งได้
- อาจจะมีอาการบวมแดง เขียวช้ำ หรือคันได้ในจุดที่ทำเป็นปกติ ให้หลีกเลี่ยงการแตะ การเกา การกดนวดในจุดนั้นๆ โดยอาการต่างๆ จะค่อย ๆ ดีขึ้นภายใน 2-3 วัน
- หลีกเลี่ยงความร้อนทุกชนิดและกิจกรรมที่ทำให้หน้าแดง อย่างน้อย 48 ชม.หลังทำ เช่น การเข้าซาวน่า อบไอน้ำ ออกกำลังกายหนักๆ ตากแดด การดื่มแอลกอฮอล์
- หลีกเลี่ยงการนอนคว่ำ เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดการกดทับแผลบริเวณที่ทำการร้อยไหม ควรนอนหงายแทนการนอนคว่ำและการนอนตะแคงก่อนในช่วงเดือนแรก
- งดกิจกรรมเสริมความงามเกี่ยวกับผิวหน้า เช่น ทรีทเม้นท์ เลเชอร์นวดหน้า ขัดผิวต่างๆ รวมถึงการทำศัลยกรรมประเภทอื่นๆในช่วง 2 สัปดาห์แรก เพราะอาจทำให้แผลเสี่ยงต่อการอักเสบจนอาจทำให้เกิดการติดเชื้อลุกลามในอนาคต งดเลเซอร์ร้อนที่ลงผิวชั้นลึกทุกชนิด เช่น RE, Themmage ควรเว้นอย่างน้อย 1 เดือนหลังทำ
- ประคบเย็นลดอาการบวม สำหรับใครที่แผลช้ำ หรือ มีอาการบวมมากเป็นพิเศษ อาจนำน้ำแข็งห่อผ้าแล้วประคบบริเวณที่ร้อยไหมทุกๆ 4ชั่วโมง ร่วมกับการรับประทานยาลตบวม โดยห้ามมิให้น้ำโดนรูที่ร้อยไหมเด็ดขาด
- งดอาหารแสลง และตัวยาบางชนิด ได้แก่ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์และกลุ่มยาแอสไพวิน ซึ่งมีสรรพคุณทำให้เลือดหยุดไหลช้า และทำให้เกิดแผลฟกช้ำได้ง่าย
- พบแพทย์ทันทีเมื่อมีอาการผิดปกติ ในกรณีของคนที่มีอาการอักเสบบวม มีอาการปวดแผลติดต่อกันหลายวัน หรือเส้นไหมโผล่ออกมา แนะนำว่าไม่ควรรอดูอาการ หรือทำการตัดไหมออกเองโดยเด็ดขาด ให้รีบไปพบแพทย์ทันที เพื่อทำการตรวจรักษาตามอาการอย่างทันท่วงที
บริการร้อยไหม ที่ ณ คลินิก
- ใต้ตาลึก : ร้อยไหมแก้ปัญหาใต้ตาลึก เพื่อใบหน้าดูสดใสไม่โทรม
- FOXY EYE : ร้อยไหมบริเวณหางตา ช่วยให้ตาดูสวยเฉี่ยว แก้ปัญหารอยตีนกา
- ร่องแก้มลึก : คลายร่องรอยแห่งวัย ร้อยไหมดึงร่องแก้มที่เคยลึกให้ตื้นขึ้น
- ยกหน้า เหนียง : ยกกรอบหน้าที่หย่อนคล้อย ให้ตึงกระชับพร้อมปรับใบหน้า
นัดคุณหมอหรือสอบถามเพิ่มเติม คลิกเลย !!