Last updated: 13 มี.ค. 2566 | 430 จำนวนผู้เข้าชม |
การฉีดโบท็อกซ์ เป็นเทคนิคการเสริมความทางการแพทย์ที่ผู้คนให้ความสนใจกันเยอะมากจริง ๆ เรียกได้ว่ากระแสดีไม่มีตกและจำนวนผู้ฉีดเพิ่มขึ้นทุกวัน เนื่องจากเป็นหัตถการที่ทำแล้วสวยขึ้นได้ทันที ใช้เวลาในการฉีดไม่นาน ไม่ต้องผ่าตัดพักฟื้น จึงทำให้ความนิยมของการฉีดโบท็อกซ์มีแต่เพิ่มไม่เคยลดลงเลย
ปัจจุบันมองไปทางไหนก็มีแต่คลินิกเสริมความงาม ทำให้สามารถเลือกฉีดโบท็อกซ์ได้ง่ายขึ้นมาก ๆ ถ้าได้เจอคลินิกที่ดีก็ดีไป แต่ถ้าเจอคลินิกที่หลอกลวงไม่ได้มาตรฐาน จากที่ฉีดโบท็อกแล้วจะสวย อาจเกิดปัญหาตามมาอีกนับไม่ถ้วน ไม่ว่าจะเป็นฉีดแล้วหน้าเบี้ยว หน้าแข็งตึง หรืออาจจะถึงขั้นดื้อโบท็อกจนฉีดแล้วไม่เห็นผลอีกต่อไปเลย
อาการดื้อโบท็อก
คืออาการที่เกิดขึ้นเมื่อเราฉีดโบท็อกซ์เข้าไปแล้วไม่เห็นผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงเท่าที่ควร ถ้าร่างกายของเราเกิดอาการดื้อโบท็อกขึ้น ปัญหาต่าง ๆ เหล่านั้นจึงยังคงอยู่เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ริ้วรอยไม่หาย กรามไม่เล็กลง ซึ่งสาเหตุมาจากภูมิคุ้มกันของร่างกายเราได้ทำลายโบท็อก ให้หมดไปจนไม่สามารถออกฤทธิ์ไปยังกล้ามเนื้อที่เราต้องการแก้ปัญหานั้นได้
สาเหตุของการ “ ดื้อโบท็อก ”
เนื่องจากโบท็อกซ์ (Botox) เป็นโปรตีนอย่างหนึ่ง เมื่อฉีดเข้าสู่ร่างกายแล้ว ร่างกายจะถูกกระตุ้นให้สร้างภูมิคุ้มกัน หรือแอนติบอดี้ (Anti-Body) ขึ้นมา เพื่อต่อต้านสารโปรตีนดังกล่าว ทำให้ฉีดโบท็อกซ์แล้วไม่ได้ผล หรือ เกิดอาการดื้อโบท็อกซ์นั่นเอง ซึ่งเป็นหลักการเดียวกับการฉีดวัคซีนเพื่อให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมาเพื่อป้องกันโรค โดยสาเหตุหลัก ๆ ของอาการดื้อโบท็อกซ์ มีอยู่ด้วยกัน 3 สาเหตุ คือ
⬤ ฉีดโบท็อกซ์ ถี่หรือบ่อยเกินไป : เมื่อร่างกายได้รับสารโบท็อกซ์บ่อยมาก ๆ เข้า ร่างกายก็จะตอบรับด้วยการสร้างภูมิคุ้มกัน หรือแอนติบอดี้ (Anti-Body) ขึ้นเรื่อย ๆ จนทำให้การฉีดโบท็อกซ์ครั้งหลัง ๆ เราจะสังเกตได้เลยว่าไม่มีการเปลี่ยนแปลงของผลลัพธ์แล้ว
⬤ ฉีดโบท็อกซ์ ปลอม ไม่มีคุณภาพ : ครั้งแรกของการฉีดโบท็อกซ์ (Botox) แม้ว่าจะเป็นโบท็อกปลอม มีการปนเปื้อน ไม่มีคุณภาพ แต่ก็ยังสามารถเห็นผลลัพธ์ได้อยู่ เนื่องจากเป็นการฉีดครั้งแรก ร่างกายเพิ่งเริ่มจดจำสารชนิดนี้ว่าเป็นของปลอม และจะยิ่งกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันออกมา ซึ่งทำให้เมื่อฉีดโบท็อกซ์ครั้งต่อ ๆ ไป จะเห็นผลน้อยลง หรือ ฉีดแล้วไม่ได้ผล แม้ว่าครั้งต่อไปจะใช้โบท็อกซ์แท้ก็ตาม
⬤ ฉีดโบท็อกซ์ ในปริมาณที่มากเกินไป : หลายคนคิดว่าการฉีดโบท็อกซ์เยอะ ๆ จะยิ่งทำให้เห็นผลลัพธ์ได้ดียิ่งขึ้น แต่ไม่จริงเลย การฉีดโบท็อกซ์ในปริมาณที่เยอะเกินไป จะทำให้สารนั้นตกค้างในร่างกาย และเกิดอาการดื้อโบท็อกซ์ในที่สุด เพราะร่างกายจะสร้างภูมิกันมาต่อต้านกับส่วนที่ตกค้างอยู่ภายในร่างกาย
ดังนั้นถ้าไม่อยากเกิดอาการดื้อโบท็อกซ์ (Botox) ควรเลือกฉีดโบท็อกซ์ที่มีคุณภาพ ในระยะเวลาที่เหมาะสม ไม่ฉีดติดกันเกินไป และต้องฉีดในปริมาณที่พอดี ไม่มากเกินไปด้วย
อาการดื้อโบท็อก สามารถแก้ไขได้หรืออาจจะขึ้นอยู่กับบุคคล เมื่อเกิดอาการดื้อโบท็อกซ์ขึ้นแล้วต้องรอให้ภูมิคุ้มกันที่ร่างกายสร้างขึ้นลดลง หรือหมดไปเอง คนไข้บางคนไม่รู้ตัวเองว่าเริ่มมีอาการดื้อโบท็อกซ์อยู่ คิดว่าฉีดโบท็อกซ์จากคลินิกนี้แล้วไม่ได้ผล จึงพยายามเปลี่ยนหมอ เปลี่ยนยี่ห้อโบท็อกซ์ หรือแม้แต่เพิ่มปริมาณสารโบท็อกให้เยอะขึ้น ยิ่งเป็นการเพิ่มให้ตัวคนไข้เองดื้อโบท็อกมากขึ้น เพราะเป็นการไปกระตุ้นให้เกิดภูมิคุ้มกันขึ้นอีก
ดังนั้นถ้ารู้สึกว่าฉีดโบท็อกซ์เท่าไหร่ก็ไม่เห็นผลเหมือนครั้งแรก ๆ ให้เราหยุดการฉีดโบท็อกซ์ และปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อตรวจร่างกายให้แน่ใจว่าเรามีการอาการดื้อโบท็อกซ์หรือไม่ ซึ่งถ้าเกิดมีอาการดื้อโบท็อกซ์จริง อาจจะต้องหยุดการฉีดโบท็อกซ์ ซึ่งถ้าโชคดีงดฉีดโบท็อกไว้อย่างน้อยประมาณ 1-2 ปี เพื่อรอให้ภูมิคุ้มกันหมดฤทธิ์ แต่ส่วนมากเมื่อดื้อโบท็อกซ์แล้วก็จะดื้อเลยไม่สามารถกลับมาฉีดได้อีก เพราะฉะนั้นก่อนฉีดควรเลือกดีๆนะคะ
ไม่อยาก “ ดื้อโบท็อก ” ต้องทำฟังทางนี้
ทีนี้เราก็ทราบถึงสาเหตุแล้วว่าเพราะอะไรถึงทำให้เกิดอาการ “ดื้อโบท็อก” ดังนั้นถ้าอยากฉีดโบท็อกแล้วได้ผลลัพธ์ที่ดี ปลอดภัย ไม่เป็นอันตราย มั่นใจให้ ณ คลินิกดูแลนะคะ
18 ก.ค. 2567
4 ส.ค. 2567
18 มิ.ย. 2567